วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำไมถึงเลี้ยงเด็กแบบรดน้ำใส่ปุ๋ยทุกวันไม่ได้นะ?

สวัสดีค่ะ...คงสงสัยกับ Topic ของโพสต์นี้กันใช่ไหมเอ่ย? อิอิ^^

บอกไว้ก่อนเลย เพราะว่าพืชเรียนรู้เหมือนกับเด็กๆไม่ได้ไงละ
แต่ถ้าจะให้ต้มตำรา ผัดข้าวคลุกมารยาทให้เด็กกิน ก็คงไม่ดูดซึมได้เหมือนกัน (ฮ่าๆๆ:))

คำถาม แล้วเด็กๆจะได้ทักษาการเรียนรู้ พัฒนามาจากไหน?


สัญชาตญาณ?
ครอบครัว?
สถานศึกษา? โรงเรียนเสริมพัฒนาการ?


เอาเป็นว่า...คำตอบพวกนี้และที่คุณคิดไว้นั้นไม่ได้ผิดนะ
แต่ที่ถูกต้องที่สุดคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก...


"คุณ"
อ่าๆๆๆๆ....
คุณในที่นี้หมายถึง คุณผู้อ่านและบุคคลรอบๆตัวคุณอีกนั่นแหละ
คุณคือใคร? พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู พี่เลี้ยง พี่ชายพี่สาว คุณน้าขายอาหารตามสั่งในซอย คุณหมอ นักร้องนักแสดงในทีวี...ฯลฯ

พูดง่ายๆ ก็จะหมายถึง ทุกคนในสังคมที่เด็กคนนั้นต้องพบเจอ


ถ้าจะถามกลับว่า อ่าว? เด็กที่เก่งๆก็มีเยอะหนิ ดูจากโรงเรียนชื่อดังทั่วไปในประเทศมีเยอะแยะ

รู้หรือไม่...เด็กที่โอกาสแข่งขันเข้าโรงเรียนมีเพียง สามหมื่นคน เด็กที่สอบแข่งขันเข้าโรงเรียนดังได้มีประมาณ สี่พันคน ในขณะที่ ประชากรเด็กในแต่ละรุ่นทั่วประเทศมีถึง เจ็ดแสนกว่าคน เลยที่เดียว!


สิ่งที่อยากบอกก็คือ เด็กเจ็ดแสนกว่าคนที่เหลือนี้ ประสบปัญหาวิกฤต คือ ขาดโอกาสในการเรียนรู้

คือปัจจัยก็มีทั้ง จากการเลี้ยงดูสนับสนุน จากพ่อแม่ที่ให้การสนับสนุนไม่เต็มที่ และจากตัวเด็กเอง (Down's syndrome, etc.)


การพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กนั้น จะอยู่ระหว่างช่วงอายุ แรกเกิด ถึงประมาณ 6 ขวบ หรือเป็นช่วงที่สมองพัฒนามากที่สุด>>และเริ่มหยุดพัฒนา พร้อมที่จะฝ่อลง -.,->> เพราะฉะนั้นเด็กต้องได้รับการส่งเสริมในช่วงอายุนั้นให้มากที่สุด (ดูได้จาก โฆษณานมใำหรับเด็กหลายๆยี่ห้อ ที่ชวนเชื่อแล้วชวนเชื่ออีกนะคะ ^^)


ที่น่ากลัวอีกอย่างก็คือ มีเด็กเพียงแค่ ร้อยละ 5 จากเด็กทั้งหมดได้รับการแก้ไข และดูแลเข้าถึงในส่วนนี้


คำถามต่อไปคือ อีก ร้อยละ 95 ไปอยู่ไหน??

อาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจมันไม่ดี สังคมเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น หรือประเทศไทยมีคนวัยทำงานมาก โดยเฉพาะช่วงอายุสามสิบต้นๆที่คนส่วนใหญ่นิยมสร้างครอบครัว แต่กลับต้องทำงานเช้ายันดึกเพื่อหาเงินมาสร้างเนื้อสร้างตัว

เด็กหลายคนจึงถูกนำไปฝากสถานรับเลี้ยงที่มีแค่พี่เลี้ยง (ซึ่งเป็นใครจากไหนก็ไม่รู้) มาดูแลระหว่างพ่อกับแม่ไปทำงาน ถ้าไฮโซหน่อยก็พาเข้าเนิสเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาล หลอกให้เด็กเล่นกับของเล่นที่นั่นตั้งแต่เด็กยังพูดไม่ได้


พูดถึงของเล่นเด็ก เชื่อว่าผู้อ่านเคยเล่นกันทุกคนนะคะ มันก็ช่วยพัฒนาสมองเด็กได้จริงๆนั่นแหละ แต่ดูราคาแต่ละชิ้นแล้ว...มันคุ้มใช่ไหม? ไม่โดนหลอกจริงหรือ?

ถ้าเกิดคุณไม่ใช่ไฮโซละ ?? ซึ่งคนส่วนใหญ่ของประเทศ (รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย) ก็ไม่ได้มีเงินก้อนนั้นไว้ใช้จ่ายในส่วนนี้มากนัก บางคนถึงขั้นไม่มีด้วยซ้ำ... จะทำยังไง?

แล้ว "เด็ก" ละ??
ย้อนกลับไปที่บอกไปข้างต้นว่า คุณ คือสิ่งที่ดีที่สุดในการปลูกฝังและพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กน้อย


คุณทำอะไรได้บ้าง...?

หรือว่า คุณคิดว่า
...ไม่มีเวลาสำหรับส่วนนั้นหรอก...
...ไม่ใช่หน้าที่เรา พวกโรงเรียนต่างหากที่ต้องสอน...
...จะทำได้หรอ? ไม่มั่นใจเลย...
...ให้สอน? จะให้สอนยังไง?...
ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า...
หยุดความคิดเหล่านั้นซะ!!!

เคยได้ยินไหม? "You are what you think." คุณเป็นอย่างที่คุณคิด...นะคะ (ตรงตัวมาก)

เปลี่ยนความคิดใหม่...คุณทำได้ และ คุณต้องทำ

ขอเวลาสักนิดดดดด!!

อย่าคิดว่าเวลาห้านาทีสิบนาทีไม่มีค่า หรือเวลาแค่นั้นอาจไม่ได้ประโยชน์มากพอ

สร้างบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การเรียนรู้
ชั้นหนังสือน่าอ่าน หยิบง่าย ประจำบ้าน
คำถามเชาว์ปัญญาเล็กๆน้อยๆ สร้างความกล้าที่จะถาม-ตอบ

พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส!

เริ่มตั้นแต่เช้า...

"เอ๊...ป้ายนั้นเเขาเขียนว่าอะไรนะ?"
"ขอ..ไม้หันอากาศ..บอใบไม้...ขับ..."
 
"มาช่วยแม่เลือกจานเร็ว :)"
"แกงไก่ถุงนี้ ใส่ใบไหนดีเอ่ย?"

"เอาสบู่มาผสมน้ำนิดนึง แล้วก็จะได้มาเป่าๆลูกโป่งกัน:)"//ระหว่างอาบน้ำ
ฝึกทักษะการอยู่ในสังคม ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
นิทานก่อนนอนสอนใจสัก 10 นาที ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้เด็กน้อย

เลิกอ้าง เลิกผลักภาระ

ไม่ใช่เสียเวลา แต่คุณได้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น!

เก็บเล็ก ผสมน้อย เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในอนาคตของเด็ก
สร้างนิสัยในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็ก <3

อ้างอิงข้อมูลจาก...
รายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2554 
โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ คณะอนุกรรมการจัดทำรายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชนในคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ
และ webmaster.or.th ภายใต้โครงการ "สิ่งเล็กๆที่สร้างลูก"